Tuesday, December 5, 2017

E-san Music Festival #6 ฮิปปี้ที่ราบสูง


สถานที่จัดงาน / Location: เขื่อนอุบลรัตน์ จ. ขอนแก่น ประเทศไทย 40250
Ubonrat Dam, Khonkaen, Thailand 40250
ราคาบัตรอีสานมิวสิคเฟสติวัล / Ticket Fees: 350 THB 
ค่าเดินทางนครชัยแอร์ที่นั่งแบบ First Class ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ขอนแก่น / Transportation cost from Bangkok to Khonkaen Return ticket First Class by Nakhon chai air974 THB or 487 THB per ride
Departure at Nakhon Chai Air Bus Station Bangkok สถานีเดินรถนครชัยแอร์ (ถนนกำแพงเพชร2) 
ที่อยู่ 27 ซอย วิภาวดีรังสิต 19 วิภาวดีรังสิต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900


ทริปนี้ไปแบบวันเดียวกลับ เราไปกันแบบชิลๆขำๆไม่ได้แพลนอะไรมากแค่จองตั๋วรถบัสไปกลับรอบสุดท้ายของวันและตั๋วเข้างาน วงดนตรีที่มาเล่นในงานนี้เราก็ไม่ได้รู้จักวงไหนเป็นพิเศษ เน้นมาซึมซับบรรยากาศฮิปปี้แบบไทยแท้ 1 วันเต็ม บีและเพื่อนร่วมเดินทาง 4 คนนั่งรถบัสแบบ First Class ของนครชัยแอร์ รอบเที่ยงคืน 15 นาที มาถึงขอนแก่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า พูดง่ายๆคือนอนกันมาบนรถถึงก็เตรียมตัวเที่ยวเลยค่ะ อาจฟังดูทรหดแต่ว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะรถบัสแบบ First Class ของนครชัยแอร์ เค้าใหญ่ถึงจะมีชั้นเดียวแต่ที่นั่งกว้าขวางคล้ายๆกับเครื่องบินปรับเอนเบาะได้ถือว่านั่งสบายมาก มีผ้าห่มให้จะได้รับสบายและแจกขนม อาหาร เครื่องดื่มเพียบคืออิ่มท้องอย่างแท้ทรู! เรามาลงกันที่ บขส.3 ขอนแก่น ถ้าใครหาทางเข้าเมืองขอนแก่นแนะนำให้นั่งรถ 2 แถวที่มีบริการรับส่งตั้งแต่เช้าตรู่ 9 บาท ตลอดสาย จริงๆนั่งจากตรงนี้ตรงไปถึงเขื่อนอุบลรัตน์สถานที่จัดงาน E-San Music Festival ได้เลย แต่พวกเราคิดว่าเข้าไปแต่เช้าคงไม่ค่อยมีไรทำเลยตัดสินใจนั่ง 2 แถวเข้าเมืองขอนแก่นไปหาอะไรกินก่อน จะได้หาที่นั่งล้างหน้าล้างตา ชาร์จแบตมือถือ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้างาน ขอบอกว่าอากาศเย็นมากนึกว่าอยู่เมืองนอก ช่วงเช้าอุณหภูมิประมาณ 20 องศา แต่พวกเรามากันแบบไลท์มากไม่มีใครเตรียมผ้าหรือเสื้อคลุมมาเลย ก็เรามาแบบวันเดียวอะเนอะไม่มีใครอยากแบกของหนักพะรุงพะรังทั้งวันทั้งคืน โชคดีที่น้องวิมีเครือข่ายคนรู้จักที่อยู่ในงานแล้ว เค้าบอกว่าข้างในของแพงนิดนึง แต่อนุญาตให้นำอาหารเครื่องดื่มจากข้างนอกเข้ามาได้ พวกเราก็เลยเตรียมซื้อกัน โชคดีไม่ต้องเดินไกลมีร้านขายผ้าสารพัดชนิดของคุณหน่อย (ณภัค สิริภาวิน) อยู่ข้างๆร้านอาหารเช้า ว่าจะแวะซื้ออะไรเล็กๆน้อยๆแป๊ปเดียว ยิ่งหายิ่งเจอของดี คุณหน่อยเจ้าของร้านใจดีเฟรนลี่มาก เห็นพวกเราซื้อเยอะก็ลดราคาให้เต็มที่ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ ได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับไปกันทุกคน บีได้ผ้าคลุมทอมือสีขาวแดง (100 บาท) กระเป๋าปักลายสไตล์ชาวเขา (200 บาท)  แล้วก็ผ้าซิ่น (300 บาท)

เราก็ไปหารถ 2 แถวขึ้นแถวบขส. ที่อยู่ไม่ไกลจากเซ็นทรัลขอนแก่น ตรงนั้นก็จะมีบริการนั่งตรงไปถึงหน้างานเลย จ่ายไป 100 บาทต่อคน มีผู้ร่วมเดินทางจากหลายที่ ทั้งชาวอเมริกันที่มาเป็นครูตามต่างจังหวัด เรามาจากกรุงเทพฯ และน้องบั๊คมาจากจ.เลย ทำงานการไฟฟ้า คอยวิ่งซ่อมไฟเวลาไฟดับ ทำเพจโปรโมทการท่องเที่ยวของบ้านเกิดและมีเพื่อนมาอาสาทำห้องน้ำและขายเสื้อผ้าอยู่ในงานอีสานเขียว ความสนุกของการเดินทางคือเรามักพบคนแปลกหน้าอยู่เสมอ ได้พูดคุยแรกเปลี่ยนทัศนะคติ เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างไม่มากก็น้อยจากกันและกันมันเป็นพลังงานที่ดีมากๆ ถึงหน้างานประมาณเที่ยงกว่าๆ อากาศที่ว่าเย็นมันหายไปเฉยเลย งานอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งมันก็ยิ่งร้อน คนต่อคิวเข้างานกันตามลำดับแต่คนยังไม่เยอะมาก ก้าวลงจากรถก็มีคนไม่รู้จักเดินเข้ามาทักทายถามไถ่กันว่ามาจากไหน บ้างก็มาช่วยถือของ มันเป็นบรรยากาศแบบเฟรนลี่บ้านๆ ที่ทุกคนเป็นมิตรกนหมด ดีว่าน้องวิมีคนรู้จักเยอะเลยพาพวกเราไปวางสำภาระพักผ่อนกันในเต้นท์ไม่งั้นอาจเป็นลมเพราะแดดแรงเว่อร์! ตอนแรกว่าจะเดินดูรอบๆตั้งแต่เข้างานแต่แดดนี่ไม่ไหวจริงๆร้อนจนแสบผิดไม่ได้เตรียมครีมกันแดดมาอีก ก็เลยต้องนั่งพักชิลๆหลบแดดในเต้นท์ไปก่อน จริงๆแล้ว มาเข้างานสัก 4 - 5 โมงกำลังดีค่ะ แดดจะไม่แรงเท่าช่วงกลางวัน อากาศจะเริ่มเย็นสบายจริงๆประมาณ 6 โมงเย็น ขอพูดถึงเรื่องดนตรีกันบ้างมันก็จะมีความงงๆหน่อย บีไปงานดนตรีมาเยอะแต่มีแค่งานนี้เนี่ยแหละไม่มีบอกเวลาที่ชัดเจนว่าศิลปินแต่ละวงขึ้นเล่นกี่โมง รวมๆเลยเป็นอารมณ์คนมาชิลเอาบรรยากาศมากกว่ามานั่งรอดูศิลปินเพราะเอาจริงๆ พอเดินไปถามใครก็แถบไม่มีใครรู้จักศิลปินที่มาเล่นในงานกันเลย ทุกคนบอกว่าเน้นมาเอนจอยบรรยากาศดีๆกับเพื่อนๆแล้วให้ดนตรีเป็นส่วนประกอบ เวทีมี 2 เวที เวทีใหญ่ กับเวทีเล็กที่มีชื่อว่าสเปิร์ม แนวเพลงที่เล่นก็จะมีความท้องถิ่นบ้านๆ แต่ก็มีหลายวงเล่น Cover ศิลปินต่างชาติอย่างพวก Jimmi Hendrix, The XX, JET, Limp Bizkit จริงๆส่วนตัวอยากมาฟังเพลงที่มีซาวของเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานแท้อย่างแคน พิณ อารมณ์วง The Paradise Bangkok Molam แต่อาจจะดิบกว่ามันน่าจะได้ฟีลวิถีฮิปปี้ไทยพื้นบ้านแท้ๆ เสียได้แต่ที่ไม่ได้มีให้ฟังเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่เห็นเล่นกันก็จะเป็นสไตล์เพลงไทยสากล

4โมงกว่าๆเราก็พากันเดินสำรวจรอบๆงาน มีร้านขายเสื้อผ้าเครื่องประดับ ไปจนถึของกระจุกกระจิกภาพถ่ายเหลือสติ๊เกอร์ของศิลปินที่เป็นสัญลักษณ์สากลของการยืนหยัดเพื่อสิทธิเสรีภาพอย่าง ฺBob Marley และ The Beatles มีรถเก่า เต็นท์สไตล์อินเดียนแดงที่จัดให้เป็นร้านขายของหรือที่นอนอารมณ์ Woodstock แบบไทยๆ งานนี้ดีตรงที่สามารถจับจองพื่นที่เอาเต็นท์เข้ามากางนอนฟรีได้เลย ให้อิสระเสรีกับผู้ที่มาร่วมงานเต็มที่ ตกกลางคืนคนก็เยอะขึ้นเรื่อยๆเรียกว่าแน่นเลยมีคนเข้ามาตลอด หลังจากที่พวกเราทำการเดินเล่นช้อปปิ้ง กินอาหารจนอิ่มท้องแล้ว ก็เดินกลับเต็นท์ ประจวบเหมาะตรงเต็นท์ที่เป็นฐานทัพเราเริ่มเซ็ทพื้นที่มีดีเจมาเปิดแผ่น ก่อกองไฟ พวกเราก็พากันรวมวงเต้นคลอไปกับเสียงดนตรี แบบมันส์สุดๆหยุด จนพี่ๆน้องๆรอบข้างเดินมาถาม นี่เมารึเปล่าไปเอาเอนเนอร์จีมาจากไหน ไม่เห็นกินเหล้าเลย เออเราก็ยังงงตัวเองเหมือนกันเลยตอบไปว่าเมาดิบเมาดนตรีแบบคลีนๆก็มันส์ได้ ตลกดีเขาคงเห็นเราเต้นไม่หยุด ตอนนั้นฟีลมันได้เพลงมาอากาศดี รู้สึกตัวอีกทีคือปวดไปทั้งตัวสงสัยเต้นหนักไปหน่อย หยับเลยมันส์สุด ข้อควรรู้คือ บริการรถโดยสารฟรีจากหน้างานเข้าเมืองหมดเวลา 3 ทุ่ม พวกเราอยากเอนจอยอยู่ในงานให้เต็มที่ก็เลยต้องหาเบอร์แท็กซี่กันหารถยากมากๆ ดีที่คุณหน่อยเจ้าของร้านขายผ้าช่วยไลน์เบอร์แท็กซี่ท้องถิ่นมาให้ ซึ่งคิดค่าโดยสารคิดตามมิเตอร์ ประมาณเกือบ 5 ทุ่ม แท็กซี่ที่พวกเราโทรเรียกก็มาถึง ต้องใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง จากงานไปถึงบขส.3 เพราะฉะนั้นต้องเผื่อเวลานิดนึงเพราะหน้างานดึกๆรถแน่นมากกว่าจะเคลื่อนตัวออกไปได้ใช้เวลาอยู่พอควร

 สรุปว่าเป็นอีกหนึ่งความประทับใจดีๆที่ได้สัมผัสถึงความน่ารักมีน้ำใจของคนแปลกหน้า ได้พาเอ็มที่ไม่ค่อยได้มาเที่ยวงานอะไรแบบนี้มาลองเปิดประสบการณ์สนุกๆแบบบ้านๆติดดินๆ พบปะผู้คนมากมายที่มารวมตัวกันเพราะรักในเสียงดนตรี เสรีภาพ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนมนุษย์และความสงบสุข


บีใส่เดรส Kaftan ปักลายเป็นลุคฮิปปี้ชนเผ่าที่ดูมีความสนุกสนานเหมาะกับงาน Music Festival เลยเลือกแต่งเติมสีสันโดยการใส่เครื่องประดับพวกต่างหู แหวน กำไลข้อมือ กระเป๋า ที่มีสีและลวดลายแมทช์กับลายปักบนชุดเดรส
Outfit Details
Keep Kram Home Embroidered Kaftan Dress / Khun Noi (Khon Khaen) Floral Embroidery Bag /  Zara Boots